แชร์ประสบการณ์ติดแพทย์ขอนแก่นรอบ Portfolio by พี่เอมมี่ MDKKU52-MHA)🩺

แชร์ประสบการณ์ติดแพทย์ขอนแก่นรอบ Portfolio by พี่เอมมี่ MDKKU52-MHA)🩺

1. ทำไมถึงเข้ารอบ 1 (Portfolio) ?

รอบ 1 (Portfolio) เป็นโอกาสทองสำหรับคนที่ มีความสามารถโดดเด่น และอยากแสดงศักยภาพของตัวเองโดย ไม่ต้องแข่งขันกันด้วยคะแนนสอบเพียงอย่างเดียว แต่ใช้ Portfolio เป็นตัวบ่งบอกว่าเราเหมาะสมกับคณะแพทยศาสตร์จริง ๆ

📌 ข้อดีของรอบ Portfolio
เน้นศักยภาพมากกว่าคะแนนสอบ – นอกจากจะใช้คะแนนต่าง ๆ ในการพิจารณายังต้องมีผลงานที่โดดเด่น และ ตอบโจทย์คณะแพทย์
โอกาสสูงขึ้นถ้าเตรียมตัวดี – ถ้ามีผลงานเด่น คะแนนสอบดี โอกาสติดจะสูงกว่ารอบอื่น
ลดความกดดันเรื่องคะแนนสอบ – ถ้าติดรอบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องเครียดสอบแข่งขันรอบอื่น ๆ

📌 รอบ Portfolio เหมาะกับใคร ?

✅ คนที่ Portfolio มีรางวัล กิจกรรม และ ผลงานที่น่าสนใจ
✅ คนที่ทำ กิจกรรมเกี่ยวกับแพทย์ วิทยาศาสตร์ และอาสาสมัคร
✅ คนที่อยาก สมัครแพทย์โดยไม่ต้องใช้คะแนนสอบหนัก ๆ หรือแข่งกับคนอื่นมากนัก

โดยส่วนตัวแล้ว เราเป็นคนนึงที่ตอนมอต้นไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรเท่าไหร่ ส่วนมากหลังเลิกเรียนจะไปเรียนพิเศษไม่ก็กลับบ้านเลย ดังนั้นชีวิตมอต้นของเราจึงมีการเรียนเป็นส่วนมาก แต่พอเราขึ้นมอปลาย เราเริ่มรู้สึกว่า “ลองทำกิจกรรมบ้างดีมั้ย” “ลองสมัครอันนี้ดีมั้ย” จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการเก็บผลงานของเรา 

การเข้ามหาลัยในรอบ Portfolio ไม่ได้เป็น main purpose ของเรามาตั้งแต่แรก แต่เพราะเรา มีความสุขในการทำกิจกรรม เลยเริ่มลองหาว่า คณะที่เราอยากจะเข้า มีรอบการรับเข้าอะไรบ้าง จนมาเจอกับรอบ Portfolio จึงเริ่มสนใจตั้งแต่นั้นมา (ปล. เราเริ่มเก็บผลงานและสนใจรอบ Portfolio ตอนมอสี่นะ) 🙌🏻

2. เริ่มเตรียมตัวตอนไหน เริ่มยังไงบ้าง

FAQ : หลาย ๆ คนอาจมีคำถามว่า ควรเริ่มเตรียมตัวตอนไหน ? เพิ่งมาเก็บผลงานจะทันมั้ย ?

— สำหรับเราเรามองว่า การเริ่มเร็วมันดีนะ ตรงที่เรามีเวลาในการเก็บผลงาน เตรียมตัวสอบในสนามต่าง ๆ เยอะ ยิ่งเรารู้ตัวเองเร็วแค่ไหนก็ยิ่งดี อย่างของเราเราเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่มอสี่เลย แต่เพื่อนเราบางคนก็เริ่มตอนมอห้าเทอม 1 บ้าง มอห้าเทอม 2 บ้าง ก็ทันนะ เราเลยคิดว่าจะเริ่มตอนไหนถ้าเรามีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้ มันก็สำเร็จได้เหมือนกัน (แต่อย่าเพิ่งเริ่มตอนใกล้ยื่น Portfolio นะ ต้องวางแผนดี ๆ ด้วย) 👩🏻‍💻


ตัวอย่าง Timeline ที่เราใช้ในการเตรียมตัว สามารถดูเป็นแนวทางและปรับให้เข้ากับตัวเองได้คับ


ช่วงเวลา

สิ่งที่ต้องทำ

รายละเอียด

ม.4 เทอม 1

ศึกษา requirements ของคณะและมหาลัยที่ต้องการสมัคร 

  • ดูว่าคณะแพทย์ มข. ต้องมีกิจกรรมอะไรบ้าง / ใช้คะแนนสอบอะไรบ้าง


วางแผนการทำ Portfolio

  • เลือกแนวทางที่เหมาะกับตนเอง 


เริ่มเข้าร่วมกิจกรรม

  • ทำกิจกรรมตามความสนใจ    ex. จิตอาสา / Hackathon / การแข่งขันวิชาการต่าง ๆ

ม.4 เทอม 2

ทำกิจกรรมเพิ่มเติม

  • ทำกิจกรรมให้ครอบคลุม         ทุกด้าน ex. โครงงาน /             ฝึกประสบการณ์ที่โรงพยาบาล / ภาวะผู้นำ


เตรียมสอบคะแนนที่ต้องใช้

  • เตรียมสอบ Netsat / Mcat

  • เตรียมสอบภาษาอังกฤษ          ex. IELTS / TOEFL

ม.5 เทอม 1

เก็บผลงานเพิ่มเติม

  • ทำกิจกรรมให้ครอบคลุม         ทุกด้าน


สมัคร และ สอบตาม requirements 

  • สอบ Netsat / ภาษาอังกฤษ

ม.5 เทอม 2

เก็บผลงานเพิ่มเติม

  • ทำกิจกรรมให้ครอบคลุม          ทุกด้าน


สมัคร และ สอบตาม requirements 

  • สอบ Netsat / ภาษาอังกฤษ      (ถ้าคะแนนยังไม่ถึงเกณฑ์ / ต้องการทำให้ดีขึ้น)

ม.6 เทอม 1 

เก็บผลงานเพิ่มเติม

  • (ถ้าเหลือเวลา) อาจเก็บผลงานเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมมากขึ้น


เริ่มเขียน Statement of Purpose

  • SOP ใช้เวลาในการเขียนค่อนข้างนาน ต้องเผื่อเวลานิดนึง


เริ่มทำ Portfolio

  • ผลงานพร้อม คะแนนพร้อม       เริ่มทำเล่มเลย

ม.6 เทอม 2 

ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนยื่น

  • แก้ไขให้สมบูรณ์ที่สุด


เตรียมสอบสัมภาษณ์ 

  • เมื่อมีรายชื่อมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์แล้ว ให้เตรียมตัวทันที


Disclaimer : ในขณะที่เก็บผลงานและเตรียมสอบต่าง ๆ เรายังเก็บเนื้อหามอปลายควบคู่กันไป โดยเป้าหมายของเราคือ รอบ 1 (Portfolio) และรอบ 2 (Quota) 

รอบ 1 VS รอบ 2 (มอขอ Version)

  • รอบ 1 : ใช้คะแนน Netsat (MD02)  + KEPT (ตามประกาศการรับเข้าปี 2569)

  • รอบ 1 : ใช้คะแนน TBAT + CU-AAT + คะแนนภาษาอังกฤษ (MDX)

  • รอบ 2 : ใช้คะแนน Netsat อย่างเดียว + มีสอบสัมภาษณ์เหมือนกัน (แต่ผ่านทุกคน เพราะเน้นคะแนนสอบ)

น้ำหนักคะแนน Netsat ในการยื่น Portfolio (TCAS รอบ 1) 


น้ำหนักคะแนน Netsat ในรอบ Quota (TCAS รอบ 2) 

หมายเหตุ น้ำหนักคะแนน Netsat ในการคำนวณ รอบ 1 และ รอบ 2 แตกต่างกัน !!

— ส่วนตัวสำหรับน้อง ๆ ในภาคอีสานเราแนะนำให้ยื่นทั้งรอบ 1 และ 2 เลย เพราะ รอบ 1 และรอบ 2 ใช้ข้อสอบ Netsat เหมือนกัน เราเพิ่มเก็บผลงานกับสอบภาษาอังกฤษ โอกาสในการติดมหาลัยของเราก็มากขึ้น เราคิดว่ามันมีทางมากกว่า 1 ทางในการไปถึงความฝัน worst case ถึงทางแรกจะไม่ได้แต่เราก็จะมีทาง 2 3 4 สำรองไว้ แต่ถ้าเรามีเวลาจำกัดก็ลองมองหาดูว่าทางไหนคือทางที่เหมาะสมกับเราที่สุด แล้วเต็มที่กับมันไปเลย 🏃🏻‍♀️🏃🏻‍♀️


— ส่วนน้อง ๆ รอบทั่วประเทศ หรือ MDX เกณฑ์ค่อนข้างโหดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน สำหรับคะแนนภาษาอังกฤษเราแนะนำให้ได้ช่วงคะแนนที่ 4 เพราะคิด 30% เลย ส่วน TBAT + CU-AAT ก็ต้องเต็มที่มาก ๆ เหมือนกัน เราเอาใจช่วย✨


🌟 ถ้าใครรู้ตัวเร็วยิ่งดี! เพราะจะได้มีเวลาวางแผนเตรียมตัวเยอะ ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น 

📌 สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การวางแผน เพราะกิจกรรมต่าง ๆ ไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น การเตรียมตัวแบบค่อย ๆ สะสมผลงาน จะทำให้พอร์ตของเรามีคุณภาพมากขึ้น และที่สำคัญต้องเตรียมสอบตาม requirement ที่คณะแพทย์ กำหนดด้วย!

🔥 สรุปสั้น ๆ : ถ้าอยากติดแพทย์ มข. รอบพอร์ต ต้องทำอะไรบ้าง?
เริ่มกิจกรรมในและนอกโรงเรียน เพื่อสะสมประสบการณ์
แข่งวิชาการ & โครงงานวิทยาศาสตร์ เพื่อเพิ่มความโดดเด่นของพอร์ต
เข้าร่วมอาสาสมัครในโรงพยาบาล เพื่อพิสูจน์ความตั้งใจ
เตรียมสอบภาษาอังกฤษ และข้อสอบที่กำหนดใน requirements ให้ได้คะแนนดี

📌 เริ่มเร็ว = มีโอกาสสูงขึ้น! ถ้าวางแผนดี รับรองติดแน่นอน! 🚀✨


“สู้ ๆ นะน้อง ๆ เราในอนาคตรอเราวันนี้อยู่ มันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่ถ้าทำได้เราจะภูมิใจและขอบคุณตนเองมาก ๆ จนกว่าจะถึงวันนั้นอย่าเพิ่งหมดหวังไปก่อนนะ ถ้าเราไม่หมดหวังยังไงวันของเราก็จะมาถึง”

3. คำแนะนำการทำพอร์ตที่อยากบอกน้อง ๆ

สำหรับคณะแพทย์ขอนแก่น ผลงานที่ต้องมีใน Portfolio มีดังนี้

เอกสารแนะนำตัว (Personal Statement)

: อธิบายเหตุผล แรงจูงใจที่สนใจเข้าศึกษา + แผนประกอบอาชีพหลังเรียนจบ + ลักษณะ / คุณสมบัติเฉพาะตัวที่ “เหมาะสมในการเรียนแพทย์” โดย Personal Statement จะเป็นส่วนที่ทำให้กรรมการรับรู้ความตั้งใจของน้อง ควรเขียนออกมาให้เป็นตัวเองมากที่สุด อาจจะใช้เวลาในการเขียนส่วนนี้หน่อย ควรเผื่อเวลา หรือ เริ่มเขียนตั้งแต่เนิ่น ๆ นะ

ประสบการณ์ทำงาน / ฝึกประสบการณ์ในโรงพยาบาล

: อธิบายประสบการณ์การฝึกประสบการณ์ +  หน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย + เวลาที่ฝึกประสบการณ์ (ชั่วโมง) เนื่องจากในส่วนนี้ไม่ได้มีการระบุว่ามี minimum หรือ maximum ของกิจกรรมนี้ที่เท่าไหร่ ดังนั้น อาจจะใส่ 1 ที่ หรือ 2 ที่แล้วแต่เราได้เลย แต่ต้องเขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้นำเสนอออกมาให้ชัดเจน โดยกิจกรรมนี้จะทำให้รู้ตัวเองมากขึ้นว่า ชื่นชอบอาชีพแพทย์มั้ย และ ได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น

กิจกรรม / ผลงานนอกหลักสูตร (ไม่เกิน 7 กิจกรรม)

: กิจกรรมในด้านนี้เป็นได้หลากหลายมาก ๆ ยกตัวอย่างเช่น การแข่งขันตอบปัญหา / กีฬา / ชมรม / ค่าย / ดนตรี / ศิลปะ / การแสดง เป็นต้น สามารถนำเสนอได้ตามความถนัดและสิ่งที่เรามีเลย

: ถึงจะไม่ได้บอกตรง ๆ ว่าต้องมีผลงานด้านวิชาการ แต่เรายังคิดว่า ผลงานด้านวิชาการยังคง must have และเป็นส่วนสำคัญที่ควรใส่ไป เพราะ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมในการเข้ามาเรียนในคณะแพทย์

✅กิจกรรมจิตอาสา / จิตสาธารณะ (ไม่เกิน 3 กิจกรรม)

: อธิบายประสบการณ์ + บทบาท + ผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและครอบคลุมหลากหลายด้านของสุขภาพชุมชน (4 ด้านหลัก ๆ ได้แก่ สุขภาพกาย, จิต, สังคม และสิ่งแวดล้อม)

✅ทักษะการทำงานเป็นทีม (ไม่เกิน 3 กิจกรรม)

: ทักษะการเป็นผู้นำ / ผู้ตาม / ผู้ร่วมงาน ที่ดี โดยอธิบายบทบาท ผลลัพธ์และการแสดงออกของผู้นำและผู้ตามที่ดี ยกตัวอย่างเช่น สภานักเรียน / สตาฟกีฬาสี เป็นต้น

✅ผลงานด้าน โครงงาน / วิจัย

: อธิบายที่มาของผลงาน ความคิดริเริ่ม + ความคิดสร้างสรรค์ที่สะท้อน การวิเคราะห์สังเคราะห์ปัญหา การดำเนินการและผลัพธ์ รวมไปถึงการนำไปใช้ต่อยอดได้จริง ยกตัวอย่างเช่น การทำโครงงานเพื่อส่งแข่งขันในสนามต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น YSC / วันวิทยาศาสตร์ตามโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย / ศิลปหัตถกรรม เป็นต้น

TIPS 🔥

  • Portfolio ของเราคือสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวเราได้ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

  • ระดับของผลงานก็สำคัญ แต่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “เราได้เรียนรู้อะไร”

  • การเขียน Reflect ทำให้ผลงานของเรามีคุณค่า และ น่าสนใจมากขึ้นได้

  • ศึกษา Requirements และปฏิบัติตามให้ดี ไม่งั้นอาจโดนตัดสิทธิ์ได้ !!

  • ทุกผลงานต้องมีหลักฐานจากหน่วยงานรับรอง

Do and Don’t ในการทำ Portfolio

Do

Don’t

เริ่มทำตั้งแต่เนิ่น ๆ → เพื่อมีเวลาสะสมกิจกรรม        และปรับปรุงพอร์ตให้ดีที่สุด

อย่าทำพอร์ตตอนใกล้เดดไลน์ → จะไม่มีเวลาตรวจสอบ และพอร์ตอาจดูไม่เรียบร้อย

เลือกกิจกรรมที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ →             เน้นกิจกรรมที่แสดงถึงความมุ่งมั่นและทักษะแพทย์

อย่าใส่เนื้อหาเยอะเกินไปจนอ่านไม่รู้เรื่อง → ควรทำให้อ่านง่าย กระชับ และเข้าใจเร็ว

จัดพอร์ตให้เป็นระเบียบ อ่านง่าย → ใช้ฟอนต์ที่ชัดเจน มี Layout ที่ดูเป็นมืออาชีพ

อย่าใช้สีสันหรือดีไซน์เยอะเกินไป → พอร์ตควรดูเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่งานศิลปะ

ใส่ Reflection หรือสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม → ไม่ใช่แค่บอกว่าทำอะไร แต่ต้องสื่อให้เห็นว่าเราได้อะไรจากการทำกิจกรรม

อย่าใส่แค่เกียรติบัตรโดยไม่มีคำอธิบาย →                 ต้องอธิบายว่าทำอะไร และมีบทบาทอะไรในกิจกรรม


How to เขียน Reflection

  • กิจกรรมนี้คือกิจกรรมอะไร → กิจกรรมนี้เราทำอะไร → เราได้อะไรจากกิจกรรรมนี้ (ทักษะ / รางวัล) 

  • ทักษะอาจอ้างอิงจาก 15 core competencies หรือไม่ก็ได้ (เพราะ ทักษะเป็นได้เยอะมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องอยู่ใน 15 core และ 1 กิจกรรมสามารมีได้ > 1 ทักษะ)

  • การเขียน Reflection ทำให้ผลงานของเรา “น่าสนใจ” และ “มีคุณค่า” มากขึ้น

📌 สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจอยากเข้าแพทย์รอบ 1 แต่ยังไม่แน่ใจจะเริ่มยังไงตอนนี้ Yoursphere มีคู่มือการทำ Portfolio สำหรับแพทย์รอบ 1 แบบเจาะลึก! 🎯✨ ครอบคลุมประเด็นสำคัญซึ่งนำไปปรับใช้ได้จริง

💡 ไม่ใช่แค่ข้อมูลทั่วไป แต่เป็น Insights ที่หาไม่ได้จากที่อื่น! ช่วยให้พอร์ตของน้อง ๆ โดดเด่นและตอบโจทย์กรรมการมากที่สุด 📌💯 ห้ามพลาด !! 

สั่งเลย!

PS. ถ้ามีคำถาม ข้อสงสัย หรืออยากปรึกษา สามารถ DM instagram mondaysleepygram27 ได้คับ

กลับไปยังบล็อก

แสดงความคิดเห็น